Lift – ปล้นเหนือเมฆ เต็มเรื่อง
ตัวอย่างหนัง Lift – ปล้นเหนือเมฆ
Lift (2024) ปล้นเหนือเมฆ หัวขโมยมือพระกาฬและทีมงานระดับเซียนวางแผนโจรกรรมเหนือเมฆ เมื่อขนทองคำมูลค่า 500 ล้านเหรียญจากตู้นิรภัยในเครื่องบิน ที่ลอยอยู่ที่ความสูงกว่า 40,000 ฟุต
รีวิว Lift (ปล้นเหนือเมฆ) หนังปล้นสูตรสำเร็จสุดเวอร์ที่พอดูแก้เบื่อได้สนุกเพลินๆ [มีพากย์ไทย] ดูได้ทาง Netflix บทความรีวิวนี้ ถูกเขียนขึ้นมาจากความรู้สึกส่วนตัวของผม หากผิดพลาดประการใด หรือไม่ถูกใจใครต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ แต่ก่อนจะมาเริ่มการรีวิวเรามาดูเรื่องย่อกันก่อนดีกว่า
เรื่องย่อ Lift (ปล้นเหนือเมฆ)
ติดตามเรื่องราวของทีมโจรกรรมที่นำโดย Cyrus Whitaker (รับบทโดย Kevin Hart) ทีมของเขาได้ถูกตำรวจสากลติดต่อเข้ามาให้ทำภารกิจครั้งสำคัญเพื่อแลกกับการลบประวัติอาชญากรรมของทุกคนในทีม โดยภารกิจในครั้งนี้คือการโจรกรรมทองคำมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์บนเครื่องบินโดยสารที่ความสูง 40,000 ฟุต ทองดังกล่าวเป็นของ Lars Jorgensen (รับบทโดย Jean Reno) เจ้าพ่อสุดโหดที่จะนำทองคำนี้ไปซื้อเทคโลยีอันตรายมาใช้เพื่อก่อเหตุร้าย ซึ่งท้ายที่สุดแล้วภารกิจโจรสู้โจรในครั้งนี้จะจบลงอย่างไร พวกเขาจะสามารถขโมยทองมาได้สำเร็จหรือไม่ ทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง Lift (ปล้นเหนือเมฆ) สามารถรับชมได้พร้อมพากย์ไทยทาง Netflix
สำหรับหนังเรื่องนี้ส่วนตัวคือค่อนข้างตั้งตารอมาซักพักแล้ว เพราะนานๆ ที่เราจะได้เห็น Kevin Hart มาเล่นหนังฟอร์มยักษ์ที่ไม่ใช่หนังตลก แถมรอบนี้ยังมาในบทพระเอกที่เป็นหัวหน้าทีมปล้นสุดฉลาด ซึ่งบอกตามตรงว่าหลังจากดูเสร็จก็แอบผิดหวังเล็กน้อย เพราะหนังมันมาในสูตรสำเร็จที่แสนธรรมดามากๆ ถึงมันอาจจะไม่ได้ดีมากหรือมีอะไรให้น่าจดจำ แต่ตัวหนังมันก็ยังดูสนุกเพลินๆ แก้เบื่อได้ ตัวบทเขียนมาแบบสูตรสำเร็จ เริ่มด้วยการแนะนำให้เรารู้จักทีมพระเอกว่ามีใครบ้าง แต่ละคนมีความสามารถอะไร จากนั้นหนังก็ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เราได้เห็นตำรวจมาเสนอภารกิจให้พระเอก และก็ตามสูตรพระเอกรับทำ จากนั้นก็ช่วงกลางเรื่องก็จะเป็นการเตรียมแผนก่อนปล้นว่าจะต้องมีอุปกรณ์อะไร และต้องทำอะไรบ้าง ปิดด้วยองก์สุดท้ายคือการทำภารกิจปล้น และปิดท้ายด้วยการหักมุมเล็กๆ ตามแบบฉบับหนังปล้น คือทุกอย่างมันสูตรสำเร็จมาก
อย่างที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้ว่าแม้ทุกอย่างมันสูตรสำเร็จไปหมด แต่มันก็ยังมีความสนุกและไม่ได้แย่อะไรมากมาย แผนปล้นในเรื่องก็ออกมากำลังดี ไม่ได้ง่ายจนเกินไปและไม่ได้ล้ำลึกจนเกินไป จะติดก็แค่มีบางฉากที่อาจเวอร์ไปหน่อย ซึ่งส่วนตัวผมรับได้เพราะหนังมันไม่ได้มาแนวสมเหตุสมผลอะไรขนาดนั้นอยู่แล้ว น่าเสียดายอย่างเดียวคือทุกอย่างในเรื่องมันราบรื่นเกินไปหน่อยจนไม่มีจังหวะให้คนดูได้ลุ้นตามเลย ไปจนถึงฉากสุดท้ายที่มาเฉลยเรื่องสลับทองมันก็ธรรมดาเกินจนไม่ได้รู้สึกว้าวอะไรขนาดนั้น ยังดีที่การดำเนินเรื่องทำได้ดีมาก เขาดำเนินเรื่องได้รวดเร็ว กระชับ ฉับไว ไม่น่าเบื่อ แบบดูไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีหนังก็จบแล้ว
ส่วนต่อมาคือด้านการแสดง ส่วนนี้ผมไม่ติดอะไรเลย นักแสดงทุกคนเล่นกันดีหมด ออกแบบตัวละครมาดี ทุกตัวละครมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองทำให้จดจำได้ง่าย แต่สิ่งที่แปลกตาและชอบมากๆ คือในเรื่องนี้ Kevin Hart มาในบทพระเอกจริงๆ คือมาแบบเท่เลย ไม่มีติดตลกติดฮาเหมือนเรื่องอื่นๆ ที่เราเคยดู ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าถ้าเขาจะมาในบทเท่ๆ จริงจัง เขาก็ทำมันได้ดีไม่น้อยเลย เขาสามารถแบกหนังทั้งเรื่องได้สบาย แถมเคมีระว่างเขากับ Gugu Mbatha-Raw ที่รับบทเป็นตำรวจก็ออกมาดีเกินคาดเลย คู่นี้คือแบกหนังทั้งเรื่องได้แบบสบายๆ เลย ส่วนสุดท้ายคือด้านงานภาพและการโปรดักชั่น สำหรับส่วนนี้คือยกให้เป็นส่วนที่ดีที่สุดของหนังเลย จัดหนักจัดเต็ม ภาพสวย ซีจีดี มีฉากอลังการให้ได้เห็นหลายซีน เอาเป็นว่าไปลองดูกันเองเถอะครับ มันอาจไม่ใช่หนังปล้นที่ดีที่สุด แต่ก็เป็นหนึ่งในหนังปล้นที่ดูแก้เบื่อได้สนุกเพลินๆ ยิ่งใครที่ชอบแนวปล้นอยู่แล้วก็น่าจะสนุกไปกับมันได้ไม่ยาก ปล.อย่าเชื่อทั้งหมดที่ผมรีวิวจนกว่าจะได้ไปดูมันด้วยตาตัวเอง