Raging Fire โคตรเดือดฉะเดือด 2021 พากย์ไทย เต็มเรื่อง
ตัวอย่างหนัง Raging Fire โคตรเดือดฉะเดือด 2021 พากย์ไทย
ดูหนัง Raging Fire โคตรเดือดฉะเดือด 2021 พากย์ไทย เต็มเรื่อง
เรื่องย่อ:Raging Fire โคตรเดือดฉะเดือด 2021 พากย์ไทย สารวัตรฝีมือดีอย่าง จางเถี่ยซาน ได้พบกับคดีของกลุ่มอันธพาลสวมหน้ากากดำที่เข้าสังหารตำรวจอย่างเลือดเย็น ในขั้นตอนการสอบสวนเชิงลึกจางเถี่ยซาน พบว่าหัวหน้าแก๊งอันธพาลในคดีสังหารตำรวจนั้น คืออดีตเพื่อนร่วมงานอย่าง ชิวกางอ๋าว ซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นคนดังของกองกำลังตำรวจ ที่ตอนหลังผันตัวเข้าไปอยู่ในขุมนรกแห่งความชั่วร้ายนั้น ส่วนหนึ่งก็เพราะจางเถี่ยซาน เอง
อย่างที่เคยบ่นไว้นานมาแล้ว คือผู้เขียนเป็นมนุษย์ผู้เติบโตมากับหนังจีน จนกระทั่งมีความผูกพันกันบางอย่างที่ตัดกันไม่ขาด และไม่ว่าเวลานั้น จะดูอะไรอยู่ก็ตาม ถ้ามีหนังจีนที่น่าสนใจมาให้ชมก็จะละวางสิ่งอื่นลง แล้วแทรกคิวดูก่อน และเช่นเดียวกันกับคนชอบดูหนังส่วนใหญ่ เมื่อแรกเริ่มต้นการรู้จักศาสตร์และศิลป์แห่งภาพยนตร์ ความหลงไหลมักจะเริ่มต้นมาจากความตื่นเต้น ความสนุก ความมันส์ ซึ่ง อาการเหล่านั้นมันมักจะมาในงานหนังแอ็คชั่น และเช่นกันที่เมื่อความมันส์ผ่านหนังจีน แน่นอนก็คือลีลากังฟู และในชีวิตผู้เขียน ก็ผ่านลีลากังฟูของแอ็คชั่นสตาร์เหมือนกับโตมากับพวกเขาหลายคนซึ่ง จุดเริ่มต้นก็คงเหมือนคนดูหนังจีนทั่วไป ที่ชมชอบงานแอ็คชั่นเป็นจังหวะจะโคน แบบหนังจีนยุคเก่าของชอว์บราเธอร์ส ที่ผู้เขียนมี เดวิด เจียง เป็นดาราในดวงใจ ที่เล่นเรื่องไหนตายตอนจบทุกที ต่อมาก็คงจะเป็นจังหวะแต่ดุดัน กับมาดเท่ๆของ บรู๊ซ ลี ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ในความเป็นเขา แล้วหลังจากการจากไปของ บรู๊ซ ลี โลกก็ได้พบกับกังฟูปนตลกของ แจ๊คกี้ ชาน หรือที่คนไทยเรียกกันว่า เฉินหลง ล่วงเลยจนกระทั่งมาถึงยุค 90 ที่เป็นยุครุ่งเรื่องของหนังจีน แอ็คชั่นสตาร์ดารากังฟูที่โดดเด่นออกมาเลยคือ เจ๊ต ลี หรือที่คนไทยเรียกขานว่า หลี่เหลียนเจี๋ย คนนี้ นี่เองและยุคนั้นก็มีนักแสดงแนวกังฟู ที่พุ่งขึ้นมาอย่างน่าสนใจบ้าง อย่างอู๋จิง ที่ยังไปได้ไม่ถึงระดับที่รุ่นพี่เคยไปได้ และอีกคนหนึ่งที่เคยประมือกับทั้ง เฉินหลง และ หลี่เหลียนเจี๋ย มาแล้ว แต่เมื่อตอนนั้นยังรับแค่บทสมทบ กระทั่งปลายยุค 90 ต่อมายังยุค 2000 ที่หนังจีนเริ่มอ่อนแรงลง ด้วยความที่งานออกมามาก จนสวนทางกับคุณภาพ และนักแสดงแม่เหล็กอย่าง เฉินหลง และ หลี่เหลียนเจี๋ย ก็เริ่มโรยรา แล้วโกอินเตอร์ไปพิสูจน์ตัวเองที่ฝั่งฮอลลีวู้ด บุรุษหนึ่งจึงก้าวขึ้นมาทดแทนอย่างสวยสง่า ด้วยลีลากังฟูที่แตกต่าง เพราะหนังของเขาจะอัดหนักๆใส่แรงๆออกหมัดเตะต่อยแบบเร็วๆ สาแก่ใจผู้ชมยิ่งนัก นามนั้นคือ ดอนนี่ เยน หรือ ที่ผู้เขียนติดปากในการเรียกชื่อเขาว่า เจิ้นจื่อตันทว่า การขึ้นมานั้นกว่าจะติดลมบนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อแรกเริ่ม เขาก็ยังเป็นไปตามาตรฐานแอ็คชั่นสตาร์ ที่ดูดีในฉากต่อยตี แต่เล่นไม่ได้ในบทที่ต้องมีมิติ และการเล่นหนังเยอะเกินไป และแนวกังฟูที่ซ้ำแนวเกินไป ก็ทำให้เขากลายเป็นดาราหน้าช้ำ ที่มีหนังมากมาย แต่ไม่ได้มีความประทับใจอะไร จนกระทั่ง การมารับบทปรมาจารย์มวยหย่งชุน ยิปมัน ชื่อของเขาก็ทะลุฟ้า เมื่อเขาสามารถพิสูจน์ตัวเองว่า เขาสามารถเล่นหนังเชิงลึกได้ จนกระทั่งภาพของเขาคือภาพของอาจารย์ยิปมัน ไม่ต่างจากภาพของ หลี่เหลียนเจี๋ย ในภาพอาจารย์ หวงเฟยหงหลังจากนั้น งานของเขาก็ดูดีมีคุณภาพ มีหนังที่ขายมิติเชิงลึกออกมาหลากหลาย เช่น Wu-Xia : นักฆ่าเทวดาแขนเดียว (2011) เป็นอาธิ และนั่นก็ทำให้จากดาราหน้าช้ำ มาเป็นแอ็คชั่นสตาร์อันดับหนึ่งได้ เพราะหนังของเขาเริ่มมีมิติ ที่ทำให้ต่างจากหนังเรื่องก่อนๆ และเมื่อ เจิ้นจื่อตัน มาเล่นหนังที่จับปืนดวลกับ เซียะถิงฟง (นิโคลัส สวี) ในหนังเรื่องสุดท้ายของ เฉินมู่เซิง (เบนนี่ ชาน) แต่กระนั้นก็ต้องแลกด้วยคะแนนจำนวนมาก ถ้าเทียบกับหนังฝรั่ง แต่ก็ไม่มีอะไรจะมาหยุดยั้งผู้เขียนให้ตัดสินใจพิสูจน์หนังทำเงินถล่มทลายในประเทศจีนเรื่องนี้ได้ และต้องถูกลิขสิทธ์ แล้วผลที่ออกมา คุ้มค่าทุกคะแนนที่จ่าย Raging Fire
บ่อยครั้งที่หนังแอ็คชั่นแบบนี้ จะออกมาไม่ได้ดังใจเท่าไหร่ เพราะความตั้งใจที่มากเกินไปในการขายความตื่นเต้น จนทำให้หลงลืมงานด้านบท แต่กับเรื่องนี้ แม้ว่าตัวบทโดยรวมจะมีอะไรที่เป็นริ้วรอยมากมาย แต่ในภาพรวมยังจัดการอารมณ์ผู้ชมได้ ถึงจะทำได้แค่มอบความสนุกสมใจแต่ไม่ได้กุมหัวใจก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่บทพาไปได้บ้างคือมิติตัวละคร ที่ความจริงมันมีมิติที่หลากหลาย ตัวละครพระเอกมีครอบครัว มีภรรยาที่ตั้งท้อง กำลังจะเป็นพ่อคน ต้องมาเจอกับผู้ร้าย ที่เป็นเหมือนกับลูกศิษย์ มันน่าจะขยี้ตรงนี้ได้ หรือตัวร้ายที่ทำตามคำสั่งแล้วถูกลอยแพ ทำให้กลายเป็นความคับแค้นต่อระบบตำรวจ แล้วต้องการจะแก้แค้น จากการเป็นคนดีแล้วมาร้ายสุดขั้ว แถมยังต้องมาปะทะกับเพื่อนสนิทที่เป็นเหมือนอาจารย์ มิติเหล่านี้ ตัวบทก็เล่าได้นะ แต่มันไม่ลึกพอ และมันทำให้นักแสดงพาตัวละครไปได้ไม่ลึกพอเช่นกัน เมื่อบทมีมาให้เท่านี้ ตัวละครตำรวจของ ดอนนี่ เยน จึงดูขาดพร่องบ้างในบางมิติ ไม่ใช่เล่นไม่ดี แต่มันไม่เรียบเสมอกันทั้งเรื่อง มีบ้างที่ดูดร็อปลงจนเห็นเป็นการแสดงชัดเจน ส่วนบทผู้ร้ายของ เซียะถิงฟง กลับดูล้นไป เมื่อพยายามให้เขาได้ฉายภาพพวกผู้ร้ายโรคจิต ที่ไม่รู้ว่าผู้เขียนคิดไปเองหรือไม่ที่มีแววของ Joker อยู่ข้างในการแสดงนั้น และด้วยการที่บทมีมาให้ไม่ถึง การแสดงของ เซียะถิงฟง จึงดูล้นๆไปบ้าง จนกลายเป็นเกินไป เหมือนกับโอเวอร์แอ็คติ้งไปบางชั่วขณะ แต่ เท่าที่เป็นเท่านี้ ก็ต้องบอกว่าสองนักแสดงก็รับผิดชอบได้ดี เท่าที่บทจะเอื้อให้แล้ว เพราะในฉากที่ต้องเผชิญหน้ากัน ปะทะคารมกัน ก็มอบความตื่นเต้นเลือดลมสูบฉีดได้ เพราะถึงแม้บทจะมีริ้วรอยมากมาย แต่ยังมีมิติอยู่บ้าง ไม่ใช่จะตั้งท่ามาขายความมันส์อย่างเดียว นั่นคือแม้จะเป็นหนังแนวแอ็คชั่นที่ต้องมันส์ให้ได้ แต่อย่างน้อยยังมีหัวใจมีจิตวิญญาณอยู่บ้าง แม้ว่าจะไม่ถึงขนาดยอดเยี่ยม แต่ก็เพียงพอให้ผู้ชมสัมผัสมิติเหล่านั้นได้ และแม้จะไม่ได้ชัดเจน แต่อย่างน้อยก็คือรับรู้ได้ และทำใจยอมรับได้เมื่ออะไรบางอย่างมันมองเห็นว่า เอ๊ะ ทำไม ส่วนนักแสดงคนอื่นๆก็คือนักแสดงสมทบเต็มรูปแบบ เพราะนี่คือหนังของ ดอนนี่ เยน ปะทะ เซียะถิงฟง ดังนั้น เอาใครมาเล่นก็คงได้ประมาณนี้ แต่ที่ผู้เขียนรู้สึกดี เพราะไม่ได้ดูหนังจีนแบบนี้มานาน ก็คือนักแสดงรับเชิญอย่าง หลี่เหลียงเหว่ยเยิ่นต๊ะหัว หรือนักแสดงที่คุ้นหน้าคุ้นตา แต่ไม่ได้เห็นมานานอย่าง ถันเย่าเหวิน หรือ หลอฮุยกวงและสำหรับหนังเรื่องนี้ ยังเป็นหนังแอ็คชั่นที่มีเพลงประกอบที่ส่งเสริมอารมณ์ได้ดี ทำให้ภาพที่เห็นตรงหน้ามีอัตราความตื่นเต้นเพิ่มขึ้น จากเพลงที่ปลุกเร้า และรวมๆแล้ว แม้การแสดงอาจไม่ใช่ถึงขนาดลึกล้ำเหนือคำบรรยาย แต่ถ้าว่ากันที่บทมันให้ได้แค่นี้ กับแนวหนังแนวนี้ เท่านี้ก็นับว่าดีที่สุดแล้ว นานแค่ไหนก็จำไม่ได้แล้ว ที่ไม่ได้ดูหนังจีนกับพากย์ไทยที่คุ้นเคย นานแค่ไหนที่ไม่ได้ยินเสียง น้าโต๊ะ (ปริภัณฑ์ วัชรานนท์) กับ น้าติ่ง (สุภาพ ไชยวิสุทธิกุล) ได้เชือดเฉือนกันบนจอในหนังใหม่ กับการให้เสียงภาษาไทยโดยพันธมิตร ที่จะว่าไป เหมือนเป็นเอกลักษณ์ของหนังจีนในบ้านเราโดยแท้ และเรื่องนี้ เมื่อเป็นหนังที่ค่อนข้างเล่นกับอารมณ์ผู้ชม มุขตลกจึงมีมาบ้าง แต่ไม่เลอะจนล้น และเป็นการให้เสียงภาษาไทยที่ยอดเยี่ยมอีกหนึ่งเรื่อง เพราะในช่วงหลังๆ หนังจีนที่ไม่ได้เข้ามาฉายในประเทศไทย หรือฉายก็ไม่ทราบได้ มักจะมีทีมพากย์ใหม่ๆหรือไม่ ทำให้การให้เสียงไทยไม่สมูธ คือบางตัวละครก็ออกมาดี เหมาะสมกับคาแร็คเตอร์ แต่กับบางตัวละครก็สุดจะทานทน นั่นทำให้บ่อยครั้งที่ผู้เขียน หรือผู้ชมหลายๆคนหันไปฟังเสียงจีน แล้วอ่านซับเอา แต่ ด้วยความที่ภาษาจีนเป็นภาษาที่พูดเร็ว ซับวิ่งเร็ว ฟังก็ไม่รู้เรื่อง ถ้าเป็นไปได้ ผู้เขียนก็ขอเลือกดูพากย์ไทยไว้ก่อน เป็นแค่หนังจีนเท่านั้นเป็นกรณีพิเศษ และเมื่อเสียงพากย์ไทยมันออกมาสมบูรณ์แบบ นั่นก็หมายถึงผู้ชมจะสามารถเสพความบันเทิงบนจอได้เต็มที่ โดยที่ไม่ต้องมามัวละสายตาก้มอ่านซับที่วิ่งแข่งร้อยเมตรของหนังจีน ที่จะเร็วไปไหนทำให้หนังที่ออกมาสนุกสมใจอยู่แล้วเรื่องนี้ มีอรรถรสที่เพิ่มขึ้น เพราะดูรู้เรื่องได้โดยไม่ต้องย้อนไปอ่านซับ แต่ ความเป็นจริงหนังก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ไม่ได้มีอะไรพลิกผัน ยังคงเป็นไปตามที่ควรจะเป็น แต่หนังกลับสะกดผู้ชมได้จัดการอารมณ์ผู้ชมอยู่ เพราะในความมันส์มันมีมิติรองรับอยู่บ้าง และการทำออกมาได้ถึงใจประมาณนี้ ก็ทำให้สองชั่วโมงสามารถดูยาวๆได้โดยไม่ลุกไปไหน คือเตรียมน้ำเตรียมขนมมาไว้แล้วเปิดดู แม้จะเห็นบ้างว่า ถ้าตัดออกไปสักยี่ยิบนาที หนังจะเร้าใจได้ขนาดไหน แต่ ถ้าว่ากันที่นี่คือหนังจีน ในแนวตั้งท่ามาเป็นงานแอ็คชั่นยิงกันแบบนี้ ที่เอาจริงก็แทบไม่ได้ดูงานดีๆมานาน เรื่องนี้ทำออกมาได้ในระดับนี้ ก็นับว่านี่คืองานที่ประทับใจ ทำให้เจ็ดร้อยยี่สิบเก้าคะแนนที่แลกไปคือความคุ้มค่าทุกนาที