The Killer นักฆ่า 2023 พากย์ไทย เต็มเรื่อง
ตัวอย่างหนัง The Killer นักฆ่า 2023 พากย์ไทย
ดูหนัง The Killer นักฆ่า 2023 พากย์ไทย เต็มเรื่อง
เรื่องย่อ:The Killer นักฆ่า 2023 พากย์ไทย ผลงานแอคชั่นจากการกำกับของ เดวิด ฟินเชอร์ เป็นเรื่องของนักฆ่าหนุ่มที่ได้รับภารกิจซึ่งกินเวลายาวนานกว่าหนึ่งปี แต่งานที่เขาได้รับกลับผิดพลาดและเป็นตัวเขาเองที่ถูกซ้อนแผนไล่ฆาตกรรม เมื่อเคราะห์ร้ายทั้งหมดต้องตกมาที่ตัวของเขาเอง นักฆ่าหนุ่มตัดสินใจที่จะหันไปจัดการหัวหน้างานที่มอบหมายภารกิจนี้ให้กับเขาแทน
เหมือนเป็นธรรมเนียมไปแล้วที่ทางค่าย NETFLIX จะมีงานหนังฟอร์มดีที่อาจถึงฟอร์มยักษ์มาลงจอให้คนดูทางบ้านได้ตื่นเต้นตั้งแต่ปล่อยข่าวออกมาแทบทุกเดือน ซึ่งแต่ละเรื่องที่จะต้องมีจุดขายแรกเลยคือมีนักแสดงเบอร์ใหญ่ๆระดับซุปเปอร์สตาร์ตัวพ่อตัวแม่มาแสดง หรือถ้าไม่อย่างนั้นก็ต้องมีจุดขายที่ผู้กำกับชื่อก้องที่จะมาสร้างงานระดับที่ต้องจับตามองป้อนให้ เพราะแม้กระทั่งระดับบิ๊กอย่างปู่ Martin Scorsese ยังมีงานผ่านค่ายนี้มาแล้วจาก The Irishman (2019) มาแล้วที่ปู่แกหอบเอานักแสดงรุ่นเก๋าคู่บุญมาแสดงกันเพียบทั้ง Robert De Niro,Al Pacino และ Joe Pesci แล้วโดยงานที่ออกมาที่เป็นงาน Original ของค่ายนี้ที่ยอมรับว่าแรกๆออกมาง่อยไม่น้อยแต่ช่วงหลังเริ่มลงตัวขึ้น อย่างที่ผ่านๆมาก็มีงานที่ถึงฟอร์มถึงใจที่ดูสนุกได้และมีทั้งงานคุณภาพหวังรางวัลมาประชันกับหนังโรงใหญ่อย่างสูสีมากขึ้นในด้านมาตรฐานการสร้างและองค์ประกอบ แล้ววันนี้ก็ถึงคิวผู้กำกับที่สร้างผลงานไว้เป็นตำนานมากมาย David Fincher ที่หอบหิ้วเอานักแสดงเบอร์ใหญ่อีกคนคือ Michael Fassbender มาขึ้นจอเล็กบ้าง ปารีส เมืองที่ตื่นไม่เหมือนกับเมืองอื่นในสายตาของ The Killer (Michael Fassbender) ที่รับงานมาเพื่อสังหารใครสักคนที่ไม่ต้องสนใจว่าจะเป็นใครมาจากไหนตามคำบอกกล่าวของเขา แล้วการปฏิบัติการสังหารโดยละเมียดก็ถึงเวลาแต่เวลาเพียงเสี้ยววินาทีทำให้กระสุนที่พุ่งไปหาเป้าหมายถูกขัดขวางโดยเหยื่ออีกคน เมื่อทำงานพลาด The Killer จึงต้องหลบหนีด้วยความชำนาญและเขากลับไปยังสาธารณรัฐโดมินิกันที่เป็นที่กบดานของเขา แต่บางครั้งในเส้นทางของมือสังหารถ้าทำงานพลาดก็จะกลายเป็นเป้าหมายเพราะเมื่อเขากลับมาถึงบ้านก็พบว่าบ้านของเขาถูกบุกรุกและคนที่รับเคราะห์แทนคือแฟนสาวของเขาที่ต้องเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการโคม่า และแล้วเมื่องานที่ทำนอกบ้านย้อนกลับมาหาคนในบ้านเขาจึงต้องตามสะสางจากปากคำของน้องชายแฟนว่ามีนักฆ่าสองคนชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ในทีสุดนักฆ่าผู้ที่พยายามไม่เป็นจุดเด่นและกลมกลืนไปกับทุกสถานที่ก็ต้องออกตามล่าคนที่ทำร้ายหัวใจของเขาโดยเริ่มจากการค้นหาที่ต้นตอนั่นคือนายจ้างของตัวเองแล้วการทวงแค้นครั้งนี้ก็เริ่มต้นขึ้น เลือกทางละเอียดละเมียดเล่าเรื่องไปเป็นขั้นเป็นตอนเหมือนอ่านหนังสือแต่ครบจบทุกกระบวนความ ถ้าจะว่าตามตรงหนังเรื่องนี้ก็ไม่ต่างจากหนังแนวนักฆ่าทั่วไปที่ถ้าไม่ฆ่าก็ถูกฆ่าแล้วต้องตามมาทวงแค้น แต่ David Fincher เลือกเล่าด้วยความละเอียดละเมียดไม่โฉ่งฉ่างด้วยการแบ่งเป็นบทให้เรื่องเดินไปไม่ต่างจากการอ่านหนังสือ โดยโฟกัสไปที่ตัวละคร The Killer กับการทำงาน วิธีคิด กฎเหล็กของคนที่ทำงานแบบนี้ประหนึ่ง The Killer มาเล่าเรื่องหรือมาสอนให้คนดูประสบความสำเร็จในเส้นทางที่เขาเป็น ซึ่งก็คือการแสวงหาแนวร่วมทางความคิดด้วยการเล่าผ่านความคิดที่ไม่มีทางที่จะไม่คิดตามแถมยังค่อยๆเล่าจนเมื่อถึงเวลาที่ต้องจัดการคนที่ขวางหน้าทีละคนก็คือมีความชอบธรรมเพราะก็ท่องกฎเหล็กให้ฟังตลอดเวลา ความง่ายของพล็อตเรื่องจึงมีที่ไปไม่ลืมที่มาเพราะเล่าเรียงเวลาไปเรื่อยๆไม้ต้องซับซ้อนแต่แม้จะเป็นเช่นนั้นกลับมองหาช่องโหว่ไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแรงจูงใจหรือการเชื่อมโยงเรื่องราวจากคนหนึ่งไปหาคนหนึ่ง จึงเป็นการเขียนบทที่เหมือนเรียบง่ายแต่มีทุกอย่างที่บทหนังชั้นยอดพึงมี ความเงียบงันที่แสนอำมหิต เพราะสามารถจัดการอารมณ์จนจมดิ่งด้วยความนิ่งและเงียบจนกลั้นหายใจตามสร้างความเร้าใจสุดขั้วและความเร้าใจที่ถูกกดนั้นเป็นตั้งแต่ต้นจนจบชนิดที่ไม่มีเวลาให้หายใจคล่องจึงเป็นความอำมหิตในการจัดการอารมณ์ เช่นเดียวกับการจัดการกับคนแต่ละคนที่เริ่มไปทีละคนด้วยวิธีการต่างกันที่มีทั้งจัดการด้วยความโหดไม่มีปราณีเพราะความปราณีและใจอ่อนจะย้อนมาทำร้ายตัว แล้วยังมีด้วยการอัดกันมันส์ให้สะใจตามแต่คู้ต่อสู้ที่ต้องไปจัดการแล้วยังมีเชือดเฉือนกันทางคารมด้วยบทสนทนาที่เล่าเรื่องตลกแต่สถานการณ์มันตลกไม่ออก แล้วด้วยความที่ตัวละครเป็นพวกไม่แสวงหาแสงคือกลมกลืนไปกับพื้นที่ไม่ขับรถที่โดดเด่นไม่ทำอะไรเป็นจุดเด่นความน่าเชื่อถือในบทนักฆ่ายิ่งตามมาเต็มที่ แถมด้วยถ้าจะจัดการก็จัดไปเลยไม่ต้องคิดมากเพราะสัญชาตญาณและกฎเหล็กของตนเองบังคับไว้ทำให้การไม่เลือกไปทางดุเดือดกลายเป็นจุดเด่นเพราะเรื่องของอารมณ์ ซึ่งความเงียบและประหยัดถ้อยคำอธิบายคือการสร้างจินตนาการแล้วเมื่อจินตนาการได้ยิ่งเห็นว่าในความธรรมดานี่ล่ะที่น่ากลัว การแสดงปานข้ามาคนเดียวแต่เมื่อต้องข้องเกี่ยวกับคนรอบข้างก็มีส่วนเสริมที่ยอดเยี่ยม ในด้านการแสดงนั้นอาจสามารถเรียกได้ว่าเป็นหนังที่ Michael Fassbender มาแบบข้ามาคนเดียวก็ยังได้ เพราะหนังเล่าผ่านความคิดของเขาแล้วถ่ายทอดออกมาเป็นการกระทำผ่านความน่าเชื่อถือของมือสังหารที่เหมือนคนธรรมดาที่ไม่เป็นจุดสังเกตได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งต่อให้ไม่มีความลึกมากมายในเรื่องของมิติตัวละครคือเล่าผ่านความคิดของตัวละครแต่กลับแสดงออกมาได้อย่างที่เห็นก็รู้สึกถึงความธรรมดาแต่พอสบตาก็รู้สึกบางอย่าง กระนั้นก็ไม่ใช่ว่า Michael Fassbender จะเป็นนายแบกเพราะเมื่อถึงเวลาต้องเผชิญหน้ากับนักแสดงคนอื่นทุกคนก็มีเวลาที่ดีของตัวเองแต่ที่ต้องชื่นชมอย่างยิ่งคือ Tilda Swinton ที่เชือดเฉือนทางคารมจนมีฉากที่ต้องประทับใจในร้านอาหาร ด้วยความอึดอัดกดดันสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านและจับสัมผัสได้ว่าตัวละคร The Killer มีความไม่มั่นใจเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเธอ จึงเท่ากับว่า Michael Fassbender เป็นเสาหลักโดยที่มีกิ่งก้านสาขาที่ยอดเยี่ยมมาสมทบ ถ้าแสวงหาความระห่ำดุเดือดคงไม่ได้เพราะมาพร้อมความลุ่มลึกสะกดอารมณ์ดึงดูดใจได้อย่างยอดเยี่ยม หนังแบบนี้แนวนี้สูตรนี้ถ้าจะมาเป็นความระห่ำเดือดดุดันก็คงได้ซึ่งก็ไม่แปลกที่อาจมีบางคนแสวงหาความเป็นหนังแอ็กชันมันส์ๆแบบนั้น แต่เรื่องนี้กลับมาเป็นความละเมียดลุ่มลึกทางอารมณ์มาเพื่อกดดิ่งอึดอัดกดดันด้วยความนิ่งของตัวละครและความเงียบงัน ทำให้เมื่อดูก็รู้สึกว่าเหมือนไปเรื่อยๆแต่มีความเร้าใจที่ดึงดูดใจเพราะยิ่งดูไปก็จะลืมไปเหมือนกับว่าเวลาเดินไปเท่าไหร่เหมือนเวลาเดินไปไม่รู้ตัวไม่มีจังหวะให้คิดจะหยุดดู ทั้งที่หนังไม่ได้ออกมาเป็นความตูมตามแต่กลับตื่นเต้นมีความระทึกเพราะทุกอย่างเหมือนเป็นเงามืดที่ไม่มีใครรู้ว่า The Killer จะเดินหน้าไปเผชิญกับอะไรตึงมือหรือไม่ อีกความเพลินที่จับต้องได้คือการที่ลุ้นสนุกไปกับการวางแผนและการดำเนินการในการจัดการเป้าหมายที่ความนิ่งของตัวละครเป็นปัจจัยสำคัญ แน่นอนว่าความธรรมดาที่หนังเป็นที่เหมือนไม่หวือหวาเร่งเร้าแต่กลับเร้าอารมณ์ได้เพราะตั้งแต่เป้าหมายรายแรกก็ลุ้นแล้ว แล้วอาการลุ้นนั้นก็มาทั้งเรื่องจนเป็นงานที่ต้องจดจำ