Wild Wild Punjab – ปัญจาบป่วน มันส์ ฮา เต็มเรื่อง
ตัวอย่างหนัง Wild Wild Punjab – ปัญจาบป่วน มันส์ ฮา
บางครั้งการดูหนังของแต่ละประเทศนอกจากจะได้ความบันเทิงแล้วยังได้เห็นวิถีชีวิตขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของแต่ละประเทศที่ได้ถูกถ่ายทอดสอดแทรกมากับหนัง แน่นอนในปัจจุบันความบันเทิงหลักของประชากรบางกลุ่มที่ชอบการดูหนังดูละครซีรีส์เริ่มเปิดกว้างมากขึ้นโดยเฉพาะเมื่อเวลานี้ที่ระบบสตรีมมิ่งครองโลก เราจึงได้เห็นเสพความบันเทิงจากหลากหลายประเทศและสิ่งที่ตามมาคือการได้เห็นอะไรที่แปลกใหม่ขึ้นโดยเฉพาะกับหนังอินเดียที่ปัจจุบันหาดูได้ง่ายขึ้นมีหนังเข้ามาให้เลือกดูถึงบ้านมากขึ้น แล้วประเทศอินเดียนี่เองที่ขึ้นชื่อในเรื่องของจำนวนประชากรที่มากที่สุดในโลกมีความหลากหลายทางเชื้อชาติภาษาวัฒนธรรมประเพณีรวมไปถึงพิธีกรรมต่างๆ การดูหนังอินเดียที่อาจเหมือนเป็นหนังบ้านๆเล่าเรื่องนอกเมืองใหญ่ก็อาจทำให้ได้เปิดหูเปิดตามากขึ้นเพราะอย่างที่บอกคือหนังทุกเรื่องได้สอดแทรกวิถีและบริบททางสังคมของพื้นที่ไว้แล้ว เช่นเดียวกับหนังเรื่องนี้ที่หน้าหนังอาจเป็นหนัง Road Trip ที่มาเพื่อขายความฮาอย่างที่เคยเห็นๆมาแต่ความต่างคือสิ่งที่สอดแทรกเข้ามานั้นต่างหากที่เป็นเครื่องปรุงรสชั้นดี
เมื่อ Khanna (Varun Sharma) เพื่อนรักของ Arora (Sunny Singh) และ Jain (Jassie Gill) ถูกคนรักนอกใจและกำลังจะแต่งงานใหม่ทำให้ Khanna ไม่อยากมีชีวิตอยู่สองเพื่อนซี้จึงต้องมาปลอบใจให้หาย แต่เมื่อทำยังไงก็ไม่หาย Arora และ Jain จึงออกอุบายให้ไปป่วนงานแต่งเอาซะเลยโดยที่ Jain ก็กำลังจะแต่งงานในอีกไม่นานจึงไม่อยากไปนักแต่ก็ทัดทานไม่ได้ ทั้งสามจึงชวน Honey (Manjot Singh) เพื่อรุ่นพี่ที่รวยและมีรถให้เดินทางไปด้วยแต่แล้วเหล้าดันหมดทั้งสามจึงอดไม่ได้เลี้ยวเข้างานแต่งข้างทางเมากันอย่างหยำเป เมื่อตื่นมากลายเป็นว่าทุกคนจำเรื่องอะไรไม่ได้แต่ความซวยมาตกที่ Jain กลายเป็นเจ้าบ่าวของ Radha (Patralekhaa Paul) เจ้าสาวแสนสวยไปซะงั้น เมื่อตกกระไดพลอยโจนก๊วนเพื่อนซี้สี่คนจึงมี Radha ภรรยาหมาดๆของ Jain ร่วมทางไปด้วยและเธอเสนอให้ Khanna ควงสาวคนใหม่ไปแต่จับพลัดจับผลูไปได้ Meera (Ishita Raj) สาวขายยาที่ตั้งใจจะติดรถไปส่งยาซะงั้น หลังจากนั้นทุกอย่างจึงตามเข้ามาทั้งตำรวจทั้งแก๊งค้ายาปนเปกันไปหมดแล้วทั้งหมดจะทันไปทำลายงานแต่งได้ไหม
เดินหน้าตามทางของหนัง Road Trip ที่ใส่สถานการณ์บานปลายมาให้แบบคุมไม่อยู่เรื่องจึงออกมาบันเทิงสุดๆ เปิดมาก็รู้ว่าหนังจะเดินไปอย่างไรเพราะนี่คือหนังที่ความวายป่วงจะมาระหว่างการเดินทางที่เรียกกันว่าหนัง Road Trip ซึ่งส่วนสำคัญคือสถานการณ์ที่พัฒนาไปข้างหน้าอย่างควบคุมไม่อยู่ไม่ว่าหนังจะตั้งท่ามาแบบไหนแต่ถ้ามาเพื่อขายความฮาสถานการณ์ที่ใส่มานั้นก็อย่าไปคิดมาก เพราะครรลองทั่วไปของหนังแนวนี้คือเดินหน้าไปหาสถานการณ์บานปลายจึงเริ่มต้นจุดเล็กๆเรื่องเล็กๆที่ไม่น่าจะมีอะไรจนไปพัวพันกับอะไรต่อมิอะไรยุ่งเหยิงไปหมด ซึ่งถ้าว่ากันถึงตรงนี้บทหนังเรื่องนี้ก็มองเห็นเงาของหนังแนวนี้ที่ชัดเจนแถมยังไม่ลืมที่จะคิดถึงหนังวายป่วงในตำนานอย่าง The Hangover ที่เหมือนจะอ้างอิงมาด้วยซ้ำในช่วงงานแต่งงานที่จับพลัดจับผลูเพราะความเมา ซึ่งหนังแบบนี้ถ้าเล่นถูกจังหวะและรู้วิธีขายหนังจะสนุกต่อให้บทหนังจะมีรอยรั่วมากมายและเหมือนโกงบ้างทั้งเล็กทั้งใหญ่แต่กับเรื่องนี้ทำอะไรไม่ได้เลย เพราะหนังเดินหน้าเข้าหาความสนุกแบบแทบจะซีนต่อซีนชนิดที่เหมือนจะคุมไม่อยู่แต่ก็คือถูกวางไว้อย่างดีแล้ว
ใช้ประโยชน์จากลักษณะเด่นของตัวละครมาเล่นได้เต็มที่ทำให้มีความปั่นในตัวจนป่วนม่วนและฮาจนลืมเวลา สิ่งที่ต้องชื่นชมคือการบอกให้คนดูก่อนเลยว่าตัวละครแต่ละคนเป็นอย่างไรมีจุดเด่นจุดด้อยยังไงที่เปิดมาก็ขำแล้วเพราะจุดเด่นก็คือจุดด้อยนั่นเอง แล้วในส่วนของลักษณะตัวละครที่ต่างกันจะมีจุดร่วมกันคือไม่ใช่ไม่ฉลาดแต่คิดไม่รอบด้านเลยพาตัวเองเข้าสู่สถานการณ์ที่คุมไม่อยู่ และการเอาลักษณะตัวละครที่ต่างกันเหล่านี้มาเล่นทั้งหกคนชายสี่หญิงสองก็เอามาปะทะกันประสานงานกันได้อย่างสนุกเพราะเห็นเจตนาชัดที่จะมาเพื่อปั่น นั่นคือบทหนังจะไม่มีความสมเหตุสมผลบ้างคือเหมือนเอาข้างหน้าเป็นไปแถมยังเสียดสีสังคมกลายๆในหลายเรื่องทั้งการแต่งงานแบบคลุมถุงชนและเรื่องของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เมื่อความต่างกันของแต่ละคนมาเพื่อปั่นความป่วนก็ตามมาความม่วนก็เกิดขึ้นทำให้ในแต่ละสถานการณ์ที่ใส่เข้ามานั้นต่อให้หน้าสิ่วหน้าขวานก็ยังไม่ทิ้งความฮา นั่นหมายความว่าการดูหนังเรื่องนี้จะไม่มีเวลาไปคิดอย่างอื่นเพราะความขำขันความฮาจะมาอย่างต่อเนื่องชนิดที่ว่าดูจนลืมเวลาเพราะความฮามาแบบจัดเต็ม
มีความต่างตรงที่ใช่บริบททางสังคมในพื้นที่มาเล่นได้อย่างสนุกจึงเหมือนมีอัตลักษณ์ของตัวเอง ก็ใช่ที่หนังอาจเป็นเหมือนหนัง Road Trip ทั่วไปที่เจาะจงลงไปคือหนังที่ตั้งใจมาเพื่อเป็นความตลกเบาสมอง ซึ่งในที่นี้อาจรวมถึงควรถอดสมองดูด้วยเพราะมีหลายอย่างให้สะกิดใจมากมายแต่ถ้าคิดไปทุกเรื่องก็ไม่สนุกซึ่งกับเรื่องนี้แม้จะเหมือนเคยๆแต่ก็มีความต่าง นั่นคือการวางตัวเองไว้ในบริบททางสังคมของรัฐปัญจาบที่เห็นชัดเลยเพราะหนังวางไว้แล้วว่าจะเป็นการเดินทางไปทั่วรัฐปัญจาบเพื่อความปั่นป่วน ความชัดนั้นทำให้ต่อให้ไม่รู้ลึกซึ้งถึงขนบธรรมเนียมประเพณีของรัฐปัญจาบยังสัมผัสได้เช่นการยิงปืนในงานแต่งงานหรือพิธีกรรมบางอย่าง ซึ่งการเอาเรื่องเหล่านี้มาเล่นก็ครอบคลุมหนังได้ทั้งเรื่องทำให้หนังออกมาสนุกผ่านภาพความเป็นอยู่ของรัฐปัญจาบที่เหมือนคนดูได้เปิดหูเปิดตาประหนึ่งได้ร่วมเดินทางไปกับพวกเขา ซึ่งมันก็คือทำให้หนังออกมามีเอกลักษณ์มีอัตลักษณ์ที่โดดเด่นเป็นของตัวเองอยู่ซึ่งก็คือความต่าง หรืออธิบายง่ายๆว่าหนังสนุกที่มาพร้อมพื้นฐานทางสังคมที่เอามาจิกกัดได้อย่างสนุกและเนียนตาดีเหลือเกิน
การออกแบบตัวละครที่อาจไม่ใช่แปลกใหม่แต่นักแสดงที่มารับบทเล่นได้อย่างแสบสันต์ความมันส์จึงบังเกิด ด้วยคาแร็คเตอร์ของตัวละครที่ต่างกันและหนังบอกเล่าพื้นฐานทางอุปนิสัยใจคอไว้ตั้งแต่ต้นซึ่งแต่ละคนที่เห็นก็ไม่ใช่อะไรที่แปลกใหม่ แต่จุดเด่นคือการเอาลักษณะเหล่านี้ที่แตกต่างมาเล่นได้อย่างบันเทิงชนิดที่เอาแค่ปะทะคารมกันก็มันส์แล้ว ทั้งยังมาพร้อมมิติเชิงความสัมพันธ์ที่อาจไม่ต้องเล่ามากมายแต่สัมผัสได้ในเรื่องของมิตรภาพและความเข้าใจโดยเฉพาะเรื่องความเป็นเพื่อนที่แม้จะต่างกันแต่ก็รักกันไม่งั้นก็คงไม่ทำอะไรบ้าบิ่นแบบนี้ แน่นอนว่าส่วนที่ทำให้ลักษณะเด่นของตัวละครเหล่านี้ที่เหมือนเคยๆเห็นมามีอะไรให้จับต้องได้เมื่อถึงเวลาก็คือการมารับบทของนักแสดงทุกคนได้อย่างแสบสันต์ นั่นคือทุกคนคือ Varun Sharma,Sunny Singh,Jassie Gill,Manjot Singh,Patralekhaa Paul และ Ishita Raj ต่างทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างสนุกเหมือนมาเล่นสนุกจนเมื่อหนังจบทุกคนกลายเป็นที่จดจำกลายเป็นภาพติดตาได้ ซึ่งไม่ใช่จะมีบ่อยๆกับการแสดงในหนังแนวนี้ที่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีอะไรให้คิดถึง
เป็นหนังขายฮาธรรมดาที่ไม่ธรรมดามีความสนุกบนความธรรมดาแต่สอดแทรกบางอย่างไว้ได้ดีที่เสียดายที่ปิดไม่บริบูรณ์ เพราะหนังเรื่องนี้ชัดเจนที่จะมาขายความฮาที่อาจเหมือนหนังตลกธรรมดาแต่ที่ไม่ธรรมดาที่หนังมีบริบททางสังคมที่สอดแทรกเข้ามาอย่างลงตัว ทั้งยังได้ความสนุกของการแสดงที่แม้บทหนังจะมีริ้วรอยมีโกงบ้างมีเว่อร์บ้างแต่การแสดงกลับไม่ล้นทำให้หนังยังดูสนุก แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือมีบางอย่างปูมาอย่างน่าสนใจและเดินทางไปอย่างมีพลังและน่าคิดคือเรืองการแต่งงานของ Jain ชายผู้ถูกครอบงำทางความคิดโดยพ่อ ทว่าตอนสุดท้ายคนดูบางคนอาจคาดหวังให้ความแหลมคมไปไกลกว่านั้นคือการที่ให้ Jain ได้ปลดเปลื้องพันธนาการแล้วพา Radha เข้าบ้านไปเพื่อปลดปล่อยตัวเองแต่หนังก็เลือกจบลงแบบนั้นซึ่งก็ลงตัวดีเพราะในส่วนของ Khanna ก็ทำได้อย่างสมประสงค์ในการปลอดเปลื้องพันธนาการทางหัวใจ แต่ไม่ว่ายังไงผู้เขียนยังเสียดายประเด็นของ Jain ที่เล่าได้ดีมากแล้วแต่เลือกปิดแบบไม่บริบูรณ์ แต่ไม่ว่ายังไงนี่คือหนังที่ดูสนุกแบบไม่เสียดายเวลาและถ้ามีเวลาก็มีค่าพอที่จะดูซ้ำ