Yaksha Ruthless Operations ปฏิบัติการยักษ์ล้มยักษ์ 2022 พากย์ไทย เต็มเรื่อง
ตัวอย่างหนัง Yaksha Ruthless Operations ปฏิบัติการยักษ์ล้มยักษ์ 2022 พากย์ไทย
ดูหนัง Yaksha Ruthless Operations ปฏิบัติการยักษ์ล้มยักษ์ 2022 พากย์ไทย เต็มเรื่อง
เรื่องย่อ:Yaksha Ruthless Operations ปฏิบัติการยักษ์ล้มยักษ์ 2022 พากย์ไทย อัยการมือสะอาดเข้ามาพัวพัวกับสงครามจารชน เมื่อได้รับมอบหมายให้สืบเรื่องไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับทีมปฏิบัติการลับ ซึ่งมีหัวหน้าที่ขึ้นชื่อว่าร้ายกาจในเมืองที่เต็มไปด้วยอันตราย
ไม่ใช่ว่าจะมีแต่หนังฮอลลีวูดที่โดนผลกระทบจากโควิด-19 เลื่อนแล้วเลื่อนอีกจนต้องยอมปล่อยลงช่องสตรีมมิง หนังเกาหลีใต้ก็มีเหมือนกัน อย่างเช่น Yaksha: Ruthless Operations เรื่องนี้หนังทุนสูง ที่สุดท้ายยอมขายให้กับทาง NETFLIX ก็ดูจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะหลังจากปล่อยสตรีมมิงแค่เพียงสัปดาห์แรก หนังก็สามารถเข้าชาร์ต TOP 10 ของ Netflix ได้ในอันดับ 3 มียอดผู้ชมทั่วโลกสูงถึง 12,540 ล้านวิว ก็ไม่แน่ว่าถ้ายังคงฉายโรงตามแผนเดิม หนังอาจจะไม่ฮิตขนาดนี้เพราะหนังหนังก็ไม่ได้จุดขายอะไรเลย ทั้งตัวผู้กำกับ นา ฮย็อน (Na Hyeon) ก็มาจากอดีตนักแสดงและมือเขียนบท ที่เพิ่งมีผลงานกำกับมาแค่เรื่องเดียว ผลงานเขียนบทที่เคยสร้างชื่อในอดีตก็มี My Way (2011) หนังสงครามที่ได้ แจง ดองกัง มารับบทนำ ส่วน 2 นักแสดงนำในเรื่องนี้ก็มี ซอลคยองกู (Sol Kyung-gu) จาก Memoir of Murderer (2017) และ พัคแฮซู (Park Hae-soo) ที่หลายคนน่าจะคุ้นหน้ากันจาก Squid Gameหนังเปิดเรื่องด้วยการปูพื้นให้ผู้ชมรู้จัก 2 ตัวละครหลัก เริ่มจาก จีคังอิน ตำรวจจอมโหด จนได้ฉายาว่า ยักษ์ ที่กลายมาเป็นชื่อเรื่อง Yaksha นี่แหละ ในหนังอธิบายว่าชื่อนี้มาจากภาษาสันสกฤต แต่ในที่นี้ไม่ได้อิงถึงขนาดร่างกายที่ใหญ่โต แต่อิงจากความโหดเหี้ยมอำมหิต เราได้เห็น จีคังอินตามล่าผู้ต้องสงสัยไปตามท้องถนน ก่อนจะระเบิดกระสุนใส่สมองคู่กรณี นับเป็นการเปิดตัวพระเอกของเรื่องแบบที่เรียกร้องความสนใจผู้ชมได้ดี และเป็นการเปิดเรื่องได้อย่างน่าสนใจ โดยที่ยังไม่มีคำอธิบายใด ๆ ถึงที่มาที่ไปของการไล่ล่านี่ หนังก็ตัดมาแนะนำอีกตัวละครนำ ฮันจีฮุน อัยการฝีมือดี ที่กำลังทำคดีใหญ่เอาผิดนักธุรกิจรายใหญ่ แต่มาเสียฟอร์มเพราะลูกน้องในทีมทำผิดกฏระเบียบระหว่างสืบสวน ทำให้ต้องแพ้คดี และโดนย้ายไปอยู่หน่วยเล็ก ๆ ชานเมืองแต่ไม่นานนักโอกาสก็กลับมาหา อัยการฮันเขาเสนอตัวรับงานเสี่ยงภัย ที่ต้องเดินทางไปเมืองเสิ่นหยางประเทศจีน เพราะที่นั่นมีหน่วยปฏิบัติการพิเศษ แบล็ก ที่ดูเหมือนจะมีลับลมคมในแอบแฝงไม่รายงานการปฏิบัติงานตามที่เป็นจริง และเมื่ออัยการฮันไปถึงเสิ่นหยาง เขาก็ได้พบกับ ‘ยักษ์’ หรือจีคังอิน ที่เป็นหัวหน้าหน่วยแบล็กนี้เอง นับเป็นการปูพื้น 2 ตัวละครนำที่กินเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงแรกของหนัง จากนั้นหนังก็เดินหน้าเร็วขึ้น ด้วยการแนะนำตัวละครอีกมากมาย ทั้ง 3 ลูกน้องฝีมือดีประจำหน่วยแบล็ก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ จินยอง จาก Got 7 ที่ใส่เข้ามาเรียกกลุ่มผู้ชมที่เป็นแฟนคลับได้ และ โยชิโนบุ โอซาวะ หัวหน้าหน่วยราชการลับจากญี่ปุ่น ในฐานะตัวร้ายของเรื่อง ที่มีความแค้นอันยาวนานกับจีคังอิน ส่วนปฏิบัติการในเสิ่นหยางนี้ จีคังอินสืบรู้ว่า โอซาวะจับตัวเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีเหนือไป เพราะต้องการเอกสารลับสำคัญบางอย่าง จีคังอินและทีมจึงพยายามชิงตัวเจ้าหน้าที่ผู้นี้และสืบให้รู้ได้ว่าเอกสารสำคัญนั้นคืออะไรนับตั้งแต่หนังเปิดตัวโอซาวะ ตัวร้ายของเรื่อง หนังก็เข้าสู่โหมดแอ็กชันแบบเต็มตัว ใส่ฉากแอ็กชันเข้ามาถี่ยิบ และมีให้ครบทั้งขับรถไล่ล่า สาดกระสุน ระเบิดตู้มต้าม ไปจนถึงการต่อสู้ด้วยมีดและมือเปล่า ก็ทำให้เชื่อได้ละครับว่าหนังน่าจะใช้ทุนสร้างสูงจริงตามที่โฆษณาไว้ ควบคู่ไปกับปริศนาเล็ก ๆ น้อย ๆ ว่าเอกสารลับที่โอซาวะตามล่าอยู่นั้นคืออะไร ซึ่งเมื่อเผยออกมาก็ไม่ได้ชวนว้าวแต่อย่างใด ยังคงอยู่ในกรอบหนังสายลับที่เราผ่านตากันบ่อย ๆ ฉากแอ็กชันของ Yaksha ถือได้ว่าเป็นจุดขายของหนัง แต่ขณะเดียวกันก็ค่อนข้างเป็นจุดอ่อนของหนังไปด้วยคราเดียวกัน นั่นก็เพราะหนังอัดฉากแอ็กชันมาให้ค่อนข้างถี่ ทั้งฉากเล็กฉากใหญ่ แต่ก็ไม่มีฉากที่ชวนตื่นตา ฝ่ายพระเอกไม่ได้พลาดท่าเสียทีให้ชวนลุ้น ทั้งตัวจีคังอินและลูกทีมล้วนใส่พระดีมากันทั้งนั้น ฝ่ายตรงข้ามสาดกระสุนมาเท่าไหร่ก็ไม่โดนสักนัด เมื่อเข้าสู่ฉากต่อสู้ ฝายพระเอกก็เลยไม่น่าเป็นห่วงเท่าใดนัก ซึ่งก็รวมไปถึงฉากไคลแมกซ์ของหนัง ที่สร้างบรรยากาศรอบข้างเล่นใหญ่ตู้มต้ามแต่ไม่ได้รุ้สึกว่าลุ้นตามไปด้วยเลยข้อดีส่วนหนึ่งของหนัง ก็ต้องยกให้ความแปลกใหม่ในการจับคู่ 2 ตัวละครนำที่ค่อนข้างคอนทราสต์กัน ซอลคยองกู นั้นเหมาะมากกับบทจีคังอิน ด้ายภาพลักษณ์ที่หยาบกร้าน สายตาแข็งกร้าว ทั้งเรื่องไม่มีรอยยิ้มให้เห็น ทำให้เชื่อได้ว่าเขาคือสายลับจอมโหดตัวจริง ยิงใส่คู่ต่อสู้ได้อย่างไร้ปราณี แล้วต้องมาประกบกับ ฮันจีฮุน ที่รับบทโดย พัคแฮซู ที่เรียกได้ว่าแทบจะมาจากคนละโลกเลย เพราะรายนี้คืออัยการที่ถนัดแต่งานนั่งโต๊ะ สะอาด เนี้ยบ แล้วจับพลัดจับผลูต้องมาลงสนามจริง ที่มีแต่กระสุนปลิวว่อน บทฮันจีฮุนจึงต้องทำหน้าที่สอดแทรกความบันเทิง ไม่ให้โทนเรื่องที่มีแต่คนโหดดุ จนโทนหนังดูหนักกินไปนัก ก็เป็นทั้งพระเอกตัวรองและเป็นตัวสร้างสีสัน พอเรียกรอยยิ้มให้คนดูได้บ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นตลกปัญญาก่อนเกินไปนัก จนเสียมาดอัยการฝีมือดีภาระสำคัญอีกอย่างของอัยการฮันก็คือ การเป็นตัวเดินเรื่องและทำหน้าที่แทนสายตาผู้ชม ที่พาเราไปสู่เมืองเสิ่นหยาง ไปแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ว่าใครเป็นใคร มีปฏิบัติการอะไรลึกลับแอบแฝงอยู่ที่นี่ ซึ่งการเดินเรื่องแบบนี้ก็ถือว่าทำได้ดี ชวนติดตาม หนังเดินหน้าไปพร้อมกับปะติดปะต่อเรื่องราว ผู้คน แล้วค่อย ๆ เข้าใจสถานการณ์โดยรอบทีละนิด แต่ก็ต้องเป็นการรับชมที่ใช้สมาธิอย่างสูง เดิมทีหนังสายลับก็มีเนื้อหาที่ซับซ้อนพอตัวอยู่แล้ว แต่กับ Yaksha: Ruthless Operations นึ่ต้องใช้สมาธิเพิ่มมากขึ้นอีกระดับหนึ่ง เพราะหนังมีตัวละครเยอะมาก และแต่ละตัวก็มาจากแต่ละประเทศ ทั้งเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน แถมยังมีเอ่ยถึงรัสเซีย และสหรัฐฯ อีกด้วยนะ แล้วหนังยิ่งพูดถึงสายลับที่แอบซ่อนอยู่ใน่แต่ละองค์กร ก็ยิ่งต้องคิดตามตั้งข้อสงสัยว่าใครจะถูกเผยว่าเป็นสายลับของฝ่ายตรงข้าม แล้วการเผยตัวตนสายลับที่เป็นคนของโอซาวะ บางรายก็นับว่าเกินคาดเดา ก็นับว่าเซอร์ไพรส์คนดูได้ดี แต่บางรายก็คาดเดาได้แต่แรกอีกจุดที่นับว่าโดดเด่นก็คือการงานกำกับศิลป์ ที่สื่อผ่านการคุมโทนสีของหนังมาตั้งแต่โปสเตอร์ เน้นสี แดง-ม่วง-น้ำเงิน สอดแทรกอยู่ในหลาย ๆ ฉากโดยเฉพาะฉากกลางคืน ถ่ายทอดบรรยากาศของเมืองเสิ่นหยางให้เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสีสันยามค่ำคืน และช่วยให้โทนหนังไม่ดาร์กเกินไปนักสรุปได้ว่า Yaksha: Ruthless Operations นับเป็นหนังแอ็กชันเกาหลีทุนสูง ที่สามาถสร้างบรรยากาศแปลกใหม่ได้ด้วยการย้ายไปเล่าเรื่องราวในประเทศจีน เดินเรื่องได้น่าติดตามพอควร เป็นหนังที่ต้องตั้งใจดู ไม่ใช่เปิดมาแล้วทำนู่นทำนี่ไปด้วยได้ หนังจบแบบปูทางต่อไปภาค 2 ดูแล้วว่าหนังค่อนข้างประสบความสำเร็จ ก็มีสิทธิ์สูว่าเราจะได้เห็นการแท็กทีมของ จีคังอินและอัยการฮันในภาคต่อไปเป็นแน่